1. การรับฟังอย่างตั้งใจ การฟังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการทำความเข้าใจผู้อื่น แต่หลายครั้งที่เราฟังเพียงแค่เพื่อรอจังหวะในการพูดสวนกลับ หรือแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งเป็นการฟังแบบไม่เต็มใจ หรือ “ฟังไปแล้ว” มากกว่าการ “ฟังจริงๆ” การฟังอย่างตั้งใจไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาที่ผู้อื่นพูด แต่ยังทำให้เราสามารถสัมผัสอารมณ์และความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนั้นได้อีกด้วย
2. การไม่ตัดสินผู้อื่นในทันที คนส่วนใหญ่มักจะมีแนวโน้มที่จะตัดสินผู้อื่นจากสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่ได้ยินในช่วงแรก ซึ่งอาจทำให้เราไม่สามารถเห็นภาพรวมของความคิดและประสบการณ์ของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด การทำความเข้าใจอีกฝ่ายต้องการความอดทนในการรอคอยและเปิดใจรับฟังทั้งมุมมองที่แตกต่างออกไป หากเรามีท่าทีที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายทางความคิด ก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ดีขึ้น
3. ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) การเข้าใจอารมณ์หรือความรู้สึกของคนอื่นเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ความเห็นอกเห็นใจ” ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าใจอีกฝ่ายในเชิงลึกมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องประสบเหตุการณ์เดียวกัน การมีความเห็นอกเห็นใจทำให้เราสามารถรู้สึกถึงความยากลำบากหรือความสุขของผู้อื่น และทำให้เราไม่ตัดสินพวกเขาโดยไม่เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมหรือการตัดสินใจของพวกเขา

การสื่อสารอย่างเปิดเผย การทำความเข้าใจอีกฝ่ายไม่ได้หมายความว่าเราต้องนิ่งเฉยหรือต้องยอมรับทุกอย่าง การสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน เมื่อเราเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นต้องการหรือรู้สึกแล้ว การที่เราสื่อสารความคิดและความรู้สึกของเราออกไปอย่างชัดเจนก็จะช่วยให้การเข้าใจกันเป็นไปได้ดีขึ้น โดยไม่มีความค้างคาใจ